Archive

Author Archive

ท่าที “อนุดิษฐ์” ต่อกรณีทวิตเตอร์ออกกฏใหม่

February 3rd, 2012 No comments

นาวาอากาศเอก อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารให้สัมภาษณ์ กรณีทวิตเตอร์ออกกฏใหม่ที่จะปิดกั้นข้อความบางข้อความไม่ให้บางประเทศได้เห็น [Starting today, we give ourselves the ability to reactively withhold content from users in a specific country — while keeping it available in the rest of the world. We have also built in a way to communicate transparently to users when content is withheld, and why.] ที่ผ่านมา ทวิตเตอร์ ยินยอมลบข้อความทวีต (Tweet) ออกจาก ระบบทวิตเตอร์ เมื่อได้รับคำสั่งจากรัฐบาลในแต่ละประเทศ สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงนับจากนี้คือทวิตเตอร์ได้เพิ่มความสามารถในการเลือกปิดกั้นการรับส่งข้อความแก่ผู้ใช้ในประเทศใดประเทศหนึ่งได้แล้ว …. ว่า

“เริ่มจากทวิตเตอร์​ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ซึ่งหากทวิตเตอร์มีเงื่อนไขในการให้บริการโดยคำนึงถึงกม.ของแต่ละประเทศก็เป็นเรื่องที่ดี”

“กระทรวงไอซีทีจะดำเนินการเป็นไปตามกม.​เรื่องกม.เรื่องการไปละเมิดสิทธิเสรีภาพบุคคลอื่น การใช้ข้อความที่ไม่เหมาะสม ก็ยึดเอากม.ของประเทศเป็นหลัก กม.หลักๆ ที่เกี่ยวของมีหลายตัว ได้แก่ ประมวลกม.อาญามาตราต่างๆ ที่ไปเกี่ยวข้องกับการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กและมีการละเมิด พรบ.คอมพิวเตอร์​การใช้ข้อความเป็นเท็จ​การใช้ข้อความไปละเมิดสิทธิเสรภาพของคนอื่น ซึ่งจะทำตามข้อบังคับของกม.”

“ทวิตเตอร์เองเพ่ิงประกาศ เรื่องการให้ความร่วมมือ คิดว่า การกำหนดเรื่องแนวทางและประสานงานต่อไป และจะไม่ถูกนำมาใช้ในทางการเมือง รธน.กำหนดไว้แล้วว่าสิทธิเสรีภาพของปชช.ต้องอยู่ภายใต้กม.​แสดงออกได้แต่จะต้องไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น”

“ในเบื้องต้นจะดูความชัดเจนในการกำหนดเงื่อนไขในการใชบริการของทวิตเตอร์ ให้เกิดค.ชัดเจนก่อนว่าเขาจะดำเนินการในรูปแบบอย่างไร และจะดูการดำเนินการของเราให้สอดคล้อง เรียกว่ากระบวนการบริหารจัดการคงต้องกำหนดขึ้น เพื่อให้การบริหารจัดการ การประสานงาน และทำให้เราสามารถบริหารงานภายใต้ของกม.”

“เรื่องนี้อยู่ที่ผู้ให้บริการก่อน การที่เขาคำนึงถึงการใช้ระบบเขาไปละเมิดสิทธิเสรีภาพ ไปละเมิดกม.ประเทศอื่น เป็นเรื่องที่ดี ส่วนเรื่องที่จะบริหารจัดการให้เป็นไปตามกม.ของแต่ละประเทศก็จะต้องมีการพูดคุยกับต่อไป”

“เวลาที่เราจะสมัครใช้งานทวิตเตอร์​จะมี Term and condition ซึ่งคือ เงื่อนไขของการใช้บริการ คงต้องพิจารณาจาก term and condition ของทวิตเตอร์ที่กำหนดให้ผู้ใช้ลงทะเบียนยอมรับเงื่อนไขเหล่านั้นก่อนที่จะเข้าไปใช้บริการ ซึ่งหากเขาได้กำหนดโดยคำนึงถึงการละเมิดกม.ในประเทศทั้งหลายก็จะเป็นเรื่องที่ดี และผู้ที่อยู่ในแต่ละประเทศจะประสานงานกับเขาได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี”

“จริงๆ เราประสานงานกับผู้ให้บริการในสังคมออนไลน์อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ทวิตเตอร์รายเดียว ยังมี เฟซบุ๊ค และยูทูป ซึ่งเป็นโซเชียล เน็ตเวิร์ก ที่มีผู้ใช้บริการมาก”

ทันทีที่ทวิตเตอร์มีมาตรการนี้และกระทรวงไอซีทีมีท่าทีตอบรับ ก็ได้สอบถามความเห็นไปยังผู้คนบนโลกออนไลน์ ผ่านทาง Twitter และ Google+ ว่าเห็นด้วยหรือไม่กับแนวทางนี้ของทวิตเตอร์และท่าทีของก.ไอซีที และนี่คือ ส่วนหนึ่งของความคิดเห็น ….​


Arthit Thurdsuwarn – เห็นด้วย … เพราะสิ่งผิด กม. ก็ควรถูกควบคุมอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่ชุมชนออนไลน์ใหญ่ขนาดใหญ่ จะได้รับการยกเว้น และเห็นว่า นอกจาก Twitter แล้ว Social Media อื่น ๆ ก็ควรได้รับการควบคุมให้อยู่ในกรอบ กม. เช่นกัน

Surapong Sappayakhom – ไม่เห็นด้วยครับ เพราะไม่มั่นใจว่าจะเจอการเลือกปฎิบัติหรือไม่ เนื่องจากเรายังคงได้เห็นเว็บหมิ่นเกิดขึ้นมากมายและต่อเนื่อง ขออภัยที่ผมขอสงวนการอ้างอิงหรือระบุ URL และ Key word ของเว็บหมิ่นฯ มา ณ. ที่นี้ครับ

Tanis Buapaijit – ผิดจริงก็น่าจะเซ็นเซอร์ได้..แต่มันจะเครื่องมือในการปิดกั้นข่าวสารไม่ให้ประชาชนรับรู้หรือเปล่าหละ? ยิ่งปิดยิ่งกั้นสักวันมันก็จะแตกเหมือนเราปิดกั้นน้ำนั่นแหละครับปัจจุบันประชาชนไม่ได้โง่เขลาที่จะเชื่อข่าวสารไปซ่ะทุกเรื่อง บางเรื่องมันก็เป็นข่าวมั่ว ประชาชนคนทั่วไปน่าจะเป็นผู้คัดกรองข่าวสารเองว่าจริงหรือไม่จริงอย่าลืมว่าข่าวสารประเภทข่าวลือยิ่งปิดยิ่งกั้น ก็ยิ่งลือไปกันใหญ่..

ธนิต เฉื่อยทอง – ผมว่ามันเป็นการปิดกั้นข่าวสารที่ไม่เป้นประโยชน์ต่อรัฐบาลที่อยู่ในช่วงนั้น ๆ มากกว่า ประโยชน์ของประเทศนะครับ ขนาดเว็ปหมิ่นยังไม่ทำอะไรเลย แล้วจะมาปิดกั้นความคิดเห็นได้ยังไงกันครับ

RT @papapoocee: เป็นกระจกสะท้อนพรบ.การกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของประเทศไทยว่าเป็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ไม่อาจทำให้ผู้ใช้งานตระหนักถึงความผิดได้ ซึ่งยิ่งขานรับกฎใหม่ทันทีอย่างรวดเร็ว ยิ่งชัดเจนมากขึ้นว่า ICT กำลังเจอทางตัน และพยายามหาตัวช่วยเข้ามาบริหารจัดการเรื่องพวกนี้ เลยสงสัยว่า ที่ผ่านมา ICT ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมีความสุขในการใช้งานบ้างไหมครับ? นอกจากเอาลิควิดมาป้ายๆ

RT @thaiopengames: ที่เกิดประเด็นน่าจะอยู่ที่วิธีการค้นหาการกระทำผิดมากกว่าครับ คิดว่าคงจะใช้วิธีรับแจ้งรายงานแล้วตรวจสอบ มากกว่าการคอยติดตามรายบุคคล ในเมื่อถ้ามันผิดจริงๆ แล้วทวิตเตอร์เปิดช่องให้เครื่องมือทางกฎหมายสามารถดำเนินการยับยั้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ แต่ต้องมีมาตรฐาน ถ้าขาดมาตรฐานในการชี้ถูกผิด ช่องทางตรวจสอบนี้ก็จะไม่ได้รับการยอมรับต่อสาธารณะ Twtจะไม่ได้เป็นที่แสดงออกเสรี เคสเหมือนๆ มธ. เลยครับ

RT @pampam_northcap: ไม่เห็นด้วยค่ะ การ censor เป็นการปิดกั้นเสรีภาพทางความคิด ไม่ว่าจะเป็นการปิดกั้นระดับไหนก็ตาม

RT @YLVR: ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการปิดกั้นสื่อ และ เสรีภาพในการแสดง คคห. ซึ่งผู้ทวิตต้องรับผิดชอบตัวเองอยู่แล้ว

สามารถอ่านประกาศของทวิตเตอร์ฉบับเต็มได้ที่ http://blog.twitter.com/2012/01/tweets-still-must-flow.html

View :2795
Categories: Social Media Tags:

CSR ปี 2555 วาระแห่งการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง CSR องค์กร

February 1st, 2012 No comments

สถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับสถาบันธุรกิจเพื่อสังคม (CSRI) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยทิศทาง CSR ภายใต้แนวคิด CSR & Sustainability ปี 2555 เพื่อเป็นข้อมูลให้ธุรกิจใช้เป็นแนวทางในการเสริมความแข็งแกร่งทางกลยุทธ์ CSR เพื่อสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนแก่องค์กรเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนจากความเสี่ยง วิกฤต และภัยพิบัติในด้านต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2555

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวในงานแถลง CSR & Sustainability ปี 2555 “Reinforcing your CSR” ในวันนี้ (1 ก.พ. 2555) ว่า การที่ธุรกิจมีแผนการดำเนินงาน CSR ที่ดีจะมีบทบาทอย่างมากในการสร้างความแข็งแกร่ง และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ ซึ่งเห็นได้ชัดจากเหตุอุทกภัยครั้งล่าสุดที่บริษัทจดทะเบียนและองค์กรธุรกิจต่างๆ ต้องปรับแผนการดำเนินงานและแผนงานด้าน CSR เพื่อรองรับกับสถานการณ์วิกฤตที่เกิดขึ้น และหลายธุรกิจแสดงให้เห็นว่าการมีแผนและการดำเนินงานด้าน CSR ที่ดี โดยดูแลและช่วยเหลือพนักงาน คู่ค้า ลูกค้า และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้ก่อให้เกิดผลบวกกับองค์กร เพราะได้แสดงให้เห็นว่าองค์กรมีความพร้อมทั้งในสถานการณ์ปกติและพร้อมรับมือเมื่อเกิดวิกฤตได้เป็นอย่างดี ซึ่งในที่สุดย่อมส่งผลดีต่อความยั่งยืนขององค์กร

สำหรับการส่งเสริม CSR แก่บริษัทจดทะเบียน ของสถาบันธุรกิจเพื่อสังคม (CSRI) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2555 นี้ จะให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้บริษัทจดทะเบียนมีเครื่องมือและแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมเทียบเท่ามาตรฐานสากลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยการจัดทำและเผยแพร่ Guidelines for Social Responsibility และ Guidelines for CSR Report แก่บริษัทจดทะเบียนและหน่วยงานที่สนใจ โดยที่ Guidelines ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนมีพัฒนาการงานด้าน CSR ทั้งในกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กรและการจัดทำรายงานเปิดเผยข้อมูลด้าน CSR สำหรับผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย พร้อมกันนี้ สถาบันธุรกิจเพื่อสังคมมีแผนจัดการอบรมและ Workshop เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนได้เรียนรู้และเข้าใจในการนำคู่มือมาประยุกต์สู่การปฏิบัติจริงในกระบวนการดำเนินงานขององค์กรอีกด้วย อันจะเป็นการเพิ่มคุณค่าองค์กรทำให้ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ลงทุนและสาธารณชน

“นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์อุทกภัย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยและภาคสังคมผ่านหลายช่องทาง โดยกิจกรรมหนึ่งที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คือ การดำเนินงานผ่านกองทุน “ตลาดหุ้นร่วมใจ ช่วยภัยน้ำท่วม” ร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ และสมาคมนักศึกษาสถาบันวิทยาการตลาดทุนในการระดมความช่วยเหลือสู่ภาคประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งในด้านการดำรงชีวิต ด้านที่อยู่อาศัย และที่ทำกิน ฯ อันเป็นการเติมเต็มความช่วยเหลือจากภาครัฐ”

นอกจากการช่วยเหลือของกองทุนฯ แล้ว ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยสถาบันธุรกิจเพื่อสังคม (CSRI) ยังได้ร่วมมือกับสถาบันไทยพัฒน์ ในการถอดบทเรียนกรณีความช่วยเหลือของภาคเอกชนกับการฟื้นฟูหลังประสบภัย ด้วยการรวบรวม Good Practices and Business Cases ในการทำงานช่วยเหลือฟื้นฟูของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 10 บริษัท และการดำเนินงานของตลาดหลักทรัพย์ฯในการช่วยเหลือเยียวยา การฟื้นฟูหลังน้ำลด และการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มีความครอบคลุมทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแล หรือที่เรียกรวมกันว่า ESG (Environment, Society, and Governance standards) ซึ่งเป็น 3 ประเด็นหลักที่หน่วยงานต้องคำนึงถึงในการดำเนินงานเรื่อง CSR ขององค์กร และคาดว่าจะเผยแพร่ผลการศึกษาได้ในไตรมาสสองของปี 2555 นี้

ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์


ด้าน ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เผยผลการศึกษาทิศทาง CSR & Sustainability ในปีนี้ว่า การเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางกลยุทธ์ CSR และ Sustainability ขององค์กร จะเป็นไฮไลท์สำคัญที่ธุรกิจจะหันกลับมาให้ความใส่ใจทั้งในเรื่องแผนงานหรือมาตรการ CSR ในช่วงเผชิญเหตุและฟื้นฟู (Response and Recovery) และในช่วงของการลดความเสี่ยงและการเตรียมความพร้อม (Risk Reduction/Mitigation and Readiness/Preparedness)

แผนการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ เป็นมาตรการที่จำเป็นในการรักษาสถานะการดำเนินงานทางธุรกิจขององค์กรให้คงอยู่ เพราะเมื่อธุรกิจประสบกับวิกฤตหรือภัยพิบัติทั้งจากภัยธรรมชาติและภัยที่มนุษย์ก่อขึ้น จนเป็นเหตุให้ความต่อเนื่องในการดำเนินงานเกิดความชะงักงัน ส่งผลเสียหายต่อผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่ธุรกิจ ไม่เฉพาะแก่คู่ค้าและผู้ส่งมอบ แต่ยังรวมถึงผลกระทบที่มีต่อลูกค้าและผู้บริโภค

“การลดความเสี่ยงและการเตรียมความพร้อม เป็นตัวอย่างของมาตรการที่ควรดำเนินการในบริบทความรับผิดชอบขององค์กรที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียภายในองค์กร (ผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกจ้าง แรงงานรับจ้าง ฯ) และในห่วงโซ่ธุรกิจ (คู่ค้า ผู้ส่งมอบ ลูกค้า ฯ) เพื่อมิให้การดำเนินงานหยุดชะงักจนส่งผลเสียหายต่อองค์กรและผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง”

สถาบันไทยพัฒน์ ได้จัดตั้งข่ายงานทรัพยากรภัยพิบัติสำหรับภาคเอกชน ในชื่อ Thai DRN เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลและทรัพยากรสนับสนุนในการจัดการภัยพิบัติและการฟื้นฟูบูรณะหลังการเกิดภัยพิบัติของภาคเอกชนภายใต้แนวทาง “Build Back Better” โดยเป็นเสมือนแหล่งข้อมูลด้านความรับผิดชอบต่อสังคมในเวอร์ชั่นพิเศษที่คำนึงถึงการดำเนินงาน CSR ผ่านกระบวนงานหลักขององค์กร และประเด็นความยั่งยืนที่ส่งผลกระทบเชิงบวกที่เห็นชัดและวัดได้

แนวโน้มที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งในปีนี้ คือ เศรษฐกิจสีเขียวในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืนและการขจัดความยากจน ที่เป็นวาระสำคัญของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (United Nations Conference on Sustainable Development – UNCSD) หรือที่เรียกว่าการประชุม Rio+20 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน ที่เมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล และเป็นที่คาดหมายว่า การพัฒนาที่ยั่งยืนบทใหม่ รวมถึงโรดแม็ปเศรษฐกิจสีเขียวโลก จะเผยโฉมในเวทีประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนครั้งนี้

สำหรับรายละเอียดการประมวลแนวโน้ม CSR & Sustainability ปี 2555 ในทิศทางอื่นๆ สามารถศึกษาได้จากรายงาน
“6 ทิศทาง CSR & Sustainability ปี 2555: Reinforcing your CSR” ซึ่งจัดทำขึ้นโดยสถาบันไทยพัฒน์ สอบถามเพิ่มเติม 0 2930 5227 info@thaipat.org หรือดูรายละเอียดได้ที่ www.thaipat.org

View :2522

เปิดใจ “คนข่าวกรุงเทพธุรกิจจุดประกาย” เบื้องหลัง “3 รางวัล” ข่าวส่งเสริมสิทธิเด็ก บทพิสูจน์ความสำเร็จเซ็คชั่น “จุดประกาย” สารคดีข่าวคุณภาพ

January 26th, 2012 No comments

"ชุติมา-นิภาวรรณ-ปานใจ" ผู้คว้า 3 รางวัลข่าวส่งเสริมสิทธิเด็ก

ตามที่ทีมข่าวจุดประกายได้รับรางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อหนังสือพิมพ์ 3 รางวัล ได้แก่ รางวัลยอดเยี่ยม จากผลงานข่าวเรื่อง “โลกมืดหลังเลนส์ อะไรก็เป็นไปได้” โดย “นิภาพร ทับหุ่น” รางวัลชมเชย 2 รางวัล จากผลงานข่าวเรื่อง “สิทธิเยาวชน คน (สกุล) ไม่ดัง” โดย “ปานใจ ปิ่นจินดา” และผลงานเรื่อง “ไม้เรียว รีเทิร์น” โดย “ชุติมา ซุ้นเจริญ” ซึ่งรับโล่รางวัลจากนายอานันท์ ปันยารชุน เมื่อ 24 มกราคมที่ผ่านมา นั้น

“คุณนิ-นิภาพร ทับหุ่น” เปิดเผยถึงแรงบันดาลใจในการนำเสนอข่าว “โลกมืดหลังเลนส์ อะไรก็เป็นไปได้” จนได้รับรางวัลผลงานยอดเยี่ยมว่า สารคดีเรื่องนี้ต้องการสะท้อนให้สังคมได้ตระหนักถึงโอกาสที่มนุษย์ทุกคนพึงมีอย่างเท่าเทียมกัน แม้บางกลุ่มจะได้ชื่อว่าเป็นคนด้อยโอกาส แต่คำว่า “ด้อย” ก็ไม่ได้หมายความว่า “ขาด” เสมอไป และการที่อาสาสมัครกลุ่มหนึ่งได้พยายามหยิบยื่นโอกาสให้กับเด็กๆ ผู้พิการทางสายตา เพื่อให้พวกเขา “เข้าถึงโอกาส” ก็เป็นเรื่องที่น่ายกย่อง เพราะพวกเขาสามารถทำให้เด็กๆ ผู้พิการสายตาเหล่านั้นมองเห็นโลกกว้างได้โดยใช้หัวใจเป็นสื่อ

ด้าน “คุณปราง-ปานใจ ปิ่นจินดา” กับผลงานข่าวเรื่อง “สิทธิเยาวชน คน (สกุล) ไม่ดัง”กล่าวถึงความตั้งใจในการนำเสนอข่าวที่มาจากอุบัติเหตุรถตู้โดยสารพลิกคว่ำบนทางด่วนซึ่งคร่าชีวิตบริสุทธิ์นับ 10 ว่า จากสถานการณ์ที่ได้รับความสนใจจากสังคมดังกล่าวสะท้อนแง่มุมของสิทธิพิเศษของเยาวชนไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะสถานะทางสังคมของผู้ผิดซึ่งเป็นเด็กสาวตระกูลดัง “สิทธิ” ที่เด็กคนนี้ได้รับเรียกว่ามากเกินกว่าที่ “เยาวชนคนหนึ่ง” ควรจะได้รับหรือไม่

“คุณเอ๋-ชุติมา ซุ้นเจริญ” เจ้าของผลงานเรื่อง “ไม้เรียว รีเทิร์น” กล่าวถึงเรื่องราวในเนื้อข่าวที่นำเสนอว่า บทความชิ้นนี้ได้รวบรวมความเห็นที่แตกต่างของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ครู นักวิชาการ หรือนักจิตวิทยา เพื่อสะท้อนสภาพปัญหาที่แท้จริงว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสถานศึกษานั้น “ไม้เรียว” คือตัวการจริงหรือไม่ หรือมีบริบทอื่นใดที่ต้องให้ความสำคัญร่วมด้วย ซึ่งแม้ว่าผลลัพธ์ของการใช้ไม้เรียวจะขึ้นอยู่กับทัศนคติของผู้ใช้ และกติการในการใช้ แต่ “ไม้เรียว” ก็ยังถือเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรง และความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ซึ่งจำเป็นต้องควบคุมเพื่อปกป้องเด็กจากการถูกลงโทษด้วยวิธีการที่รุนแรง

ทางด้านนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล กล่าวว่า หลายข่าวช่วยจุดประเด็นการส่งเสริมสิทธิเด็กเพื่อแก้ปัญหาละเมิดสิทธิเด็ก การมอบรางวัลดังกล่าวถือเป็นการขยายความตระหนักรู้ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาเยาวชนได้ตระหนักถึงปัญหาการละเมิดสิทธิเด็กที่ยังคงมีให้เห็นโดยทั่วไป และเพื่อรณรงค์ให้มีการนำเสนอข่าวในเชิงสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าถ้าสังคมคำนึงถึงเรื่องนี้จะทำให้การเสนอข่าวของสื่อมวลชนมีความถูกต้องเที่ยงตรง และลดปัญหาการละเมิดสิทธิเยาวชนให้น้อยลง

อนึ่ง รางวัลนี้เกิดจากความตั้งใจของสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทยร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย โดยมีองค์การยูนิเซฟประเทศไทยให้การสนับสนุนเป็นปีที่ 6 เพื่อยกย่องผลงานข่าวและสารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็ก ทั้งในประเภทหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ รวมทั้งหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติส่งเสริมสิทธิเด็กในโรงเรียน

ปีนี้ มีผลงานเข้าส่งประกวดทั้งหมดดังนี้ 1.ประเภทสื่อหนังสือพิมพ์ มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวด 18 เรื่อง จากหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับ 2.ประเภทสื่อวิทยุกระจายเสียง มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวด 3 เรื่อง จากสถานีวิทยุ 4 ฉบับ 3.ประเภทโทรทัศน์ มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวด 16 เรื่อง จากสถานีโทรทัศน์ 7 สถานี 4.ประเภทหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติในสถาบันอุดมศึกษา มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวด 11 เรื่อง จากสถาบันการศึกษา 6 สถาบัน 5.ประเภทหนังสือพิมพ์ฝึกปฏิบัติในโรงเรียน มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดาก 16 โรงเรียน 6.สารคดีเชิงข่าวส่งเสริมสิทธิเด็กในภาวะวิกฤติน้ำท่วม ปี 2554 ประเภทสื่อโทรทัศน์ 11 เรื่อง จาก 8 สถานี

View :2450

ธอมัสไอเดียชี้แนวโน้มดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งและอีคอมเมิร์ซปีหน้าระอุ แนะใช้กลยุทธ์ชิงพื้นที่ดิจิตอลแพลตฟอร์มครบวงจรเข้าถึงผู้บริโภค

December 21st, 2011 No comments

ธอมัสไอเดีย อินเตอร์แอคทีฟเอเยนซี่ชั้นนำของไทย ชี้แนวโน้มดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งของไทยปีหน้าเร่งเครื่องเต็มอัตราศึก หลังพิสูจน์ด้วยจำนวนผู้บริโภคที่แอคทีฟบนโลกออนไลน์ของไทยที่โตก้าวกระโดด ความนิยมในโซเชียลเน็ตเวิร์ค รวมทั้งพฤติกรรมการหาข้อมูลและเสพข่าวสารผ่านสื่อดิจิตอลมากขึ้น แม้ในยามวิกฤตยิ่งพบว่าสื่อออนไลน์เป็นช่องทางที่ทรงพลังมากที่สุด แนะผู้ประกอบการและองค์กรต้องระดมใช้กลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งให้ครบทุกแพลตฟอร์ม คาดส่วนแบ่ง

งบการตลาดปีหน้าพุ่ง 5-15% ในขณะที่มูลค่าสื่อโฆษณาออนไลน์มีสัดส่วน 2-5% ของมูลค่าสื่อโดยรวม เหตุจากจำนวนผู้บริโภคและปัจจัยสนับสนุนรวมทั้งเทคโนโลยีพร้อมรองรับการใช้งานมากขึ้น

อุไรพร ชลสิริรุ่งสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธอมัสไอเดีย จำกัด


อุไรพร ชลสิริรุ่งสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธอมัสไอเดีย จำกัด เผยว่าสาเหตุที่ปีหน้า 2012 จะเป็นปีที่การแข่งขันของกลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งดุเดือดมากขึ้นว่า “เนื่องจากผู้ประกอบการมีความเข้าใจ และวงการสื่อเองเริ่มมีความพร้อมในการเปิดบริการใหม่ๆ รองรับสื่อออนไลน์สูงขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคก็พร้อมและมีพฤติกรรมคุ้นชินกับการใช้ชีวิตออนไลน์ ทำให้นักการตลาดกล้าตัดสินใจใช้และวางแผนอย่างจริงจังมากขึ้นในปีหน้า หลังจากใช้เวลาปรับตัวและศึกษามานานกว่า 2 ปีแล้ว”

สิ่งที่เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ง่าย และตอบคำถามของนักการตลาดได้ดีที่สุด คือ ตัวเลขของสมาชิกบนโซเชียลมีเดียทั้งหลาย อาทิ ข้อมูลโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คงอันดับ 1 ยังเป็นเฟซบุ๊คอยู่เช่นเดิม ด้วยจำนวนสมาชิกคนไทยบนเฟซบุ๊คที่มี

กว่า 13.3 ล้านคน แบ่งประเภทของผู้ใช้ตามวัย พบว่าช่วงอายุ 18-24 ปี 34% และ 25-34 ปี 29% ส่วนบนทวิตเตอร์มีสมาชิกกว่า 8.5 แสนคน และยูทูบมีผู้เข้าใช้งานต่อวันมากกว่า 5 ล้าน ยิ่งในช่วงที่เกิดวิกฤติน้ำท่วมพบว่าคนส่วนใหญ่หันมาใช้สื่อออนไลน์ในการหาข้อมูลและติดต่อกัน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน

“นอกจากจำนวนพื้นที่ในสื่อออนไลน์ต่างๆ จะถูกจับจอง นักการตลาดก็หันมาใช้กลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งในแพลตฟอร์มที่หลากหลายมากขึ้นในปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คกับบทบาทของ Call Center แคมเปญออนไลน์ต่างๆ การสื่อสารและกิจกรรมโปรโมชั่นบนโลกเสมือนที่ไม่แตกต่างจากโรดโชว์ ทำให้ลูกค้าหรือเป้าหมายรับรู้เรื่องแบรนด์และคุ้นเคยจนนำไปสู่การซื้อขายสินค้าผ่านระบบอีคอมเมิร์ซที่สมบูรณ์แบบ สร้างรายได้มหาศาลในเวลาไม่นาน นี่คือ พลังของดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งที่เกิดขึ้นจริงแล้วในบ้านเรา ทำให้ปี 2012 จะเป็นปีที่นักการตลาดขับเคี่ยวกันบนโลกออนไลน์เข้มข้นกว่าเดิม ด้วยงบประมาณ กลยุทธ์และแผนการตลาดที่สร้างสรรค์อย่างจริงจัง” อุไรพรกล่าว

เพื่อเป็นการแนะนำให้นักการตลาดพร้อมรับศึกการตลาดออนไลน์ที่ทรงอิทธิพลในปีใหม่นี้ อุไรพร ในฐานะดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งกูรูที่คลุกคลีวงการออนไลน์มากกว่า 10 ปี ได้รวบรวมข้อมูลมาสรุปเป็นดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งเทรนด์ของปี 2012 ดังนี้

1) ไล่ให้เจอกลยุทธ์ออนไลน์ที่ “ใช่”

DIGITAL MARKETING STRATEGY – Corporate Wants to Get It Right

กลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง – องค์กรต้องคัดสรรกลยุทธ์ที่เหมาะกับตน และทำอย่างไรให้ได้ผลเลิศ

องค์กรเริ่มมีความเข้าใจในการตลาดออนไลน์และโซเชียลมีเดียจากการใช้งานจริงแล้ว แต่นักการตลาดต้องมองหาสูตรสำเร็จที่เหมาะกับสินค้าและบริการของตน อาทิ นโยบายที่กำหนดรูปแบบการสนทนาในเฟซบุ๊ค การสร้างแคมเปญออนไลน์ และข้อปฏิบัติเมื่อเกิดวิกฤตหรือมีข้อความเชิงลบ (Negative Message) เกิดขึ้นในโซเชียลเน็ตเวิร์ค เป็นต้น จนถึงการเชื่อมดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งบนแพลตฟอร์มให้ทำงานได้ครบวงจร เช่น Search, Social Media, e-Mail Marketing, Mobile Marketing ฯลฯ ดังนั้น การกำหนดนโยบายเชิงกลยุทธ์การตลาดออนไลน์นี้ ต้องขยายผลไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์ค ให้ลูกค้ากลับมาหาอย่างต่อเนื่อง (Repeat Visit) ในเฟซบุ๊ค หรือเว็บไซต์ แล้วพัฒนาความสัมพันธ์ต่อเนื่องกับลูกค้าสู่การทำการตลาดและการซื้อสินค้าได้จริง

2) ใช้อินติเกรตดิจิตอลแพลตฟอร์มสร้างเครื่องมือทรงพลัง

DIGITAL PLATFORM INTEGRATION – Social Everywhere

การใช้ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งให้สอดประสานในทุกช่องทางออนไลน์ เชื่อมโซเชียลในทุกพื้นที่สื่อออนไลน์

หลังจากที่องค์กรใช้และติดตามการทำงานของช่องทางออนไลน์ที่หลากหลาย เพื่อการสื่อสารและการทำธุรกิจในทุกช่องทาง หากมีการนำมาอินติเกรตกันได้เป็นอย่างดีแล้ว จะทำให้การทำงานของออนไลน์แพลตฟอร์มทั้งหมดเชื่อมต่อเป็นเครือข่ายที่ทรงพลังทางการตลาดได้อย่างคาดไม่ถึง ตัวอย่างเช่น การเชื่อมโยงระหว่างเว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซ แคมเปญออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และ e-CRM เป็นต้น เพราะเทคโนโลยีอินเตอร์แอคทีฟในแต่ละแพลตฟอร์มเป็นเสมือนตัวช่วยให้นักการตลาดวิเคราะห์ ทำการตลาดและขยายผลด้วยกลไกอัตโนมัติได้อย่างเป็นระบบและรวดเร็ว

3) วัดผลความสำเร็จของโซเชียลมีเดียด้วยเป้าหมายธุรกิจที่ตั้งไว้

SOCIAL MEDIA FOR BUSINESS RESULT – More Business Focus, More Measurable

โซเชียลมีเดียเป็นที่ยอมรับ แต่จะดีกว่าไหมถ้าผลลัพธ์เหนือความแรงพิชิตเป้าหมายให้นักการตลาดด้วย

แม้ว่าจำนวนสมาชิกในเฟซบุ๊คหรือโซเชียลมีเดียต่างๆ ขององค์กร สะท้อนถึงความสำเร็จของกลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งที่สร้างฐานการสื่อสารได้ในระยะแรก แต่ในปีหน้าที่มีการแข่งขันสูง เป้าหมายที่แท้จริงจึงไม่ใช่ปริมาณอีกต่อไป เพราะนักการตลาดจะหันมาเรียกร้องบทสรุปที่วัดผลทางการตลาดเชิงคุณภาพ และการสร้าง Sales Lead มากขึ้น นอกจากนี้ การเปรียบเทียบข้อมูลทางการตลาด (Benchmark) กับคู่แข่งและธุรกิจใกล้เคียง ยังเป็นข้อมูลที่ซับซ้อน แต่ระบบอินเตอร์แอคทีฟของโซเชียลมีเดียก็มีคุณสมบัติที่เอื้อให้ผู้เชี่ยวชาญใช้วิเคราะห์เชื่อมโยงข้อมูล หาผลลัพธ์จากแคมเปญหรือการประชาสัมพันธ์ได้

4) สร้างแรงดึงดูดให้ผูกพันธ์กับแบรนด์ด้วย Branded Content

BRANDED CONTENT – Better Quality Reach with Engaging Conversations

ปรากฏการณ์กระชับวงล้อมรอบตัวผู้บริโภคด้วย Branded Content ผ่านสื่อออนไลน์มีเดียที่หลากหลาย

คุณลักษณะเด่นของสื่ออินเตอร์แอคทีฟ คือ การถ่ายทอด Branded Content ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์ผู้บริโภคผ่านเรื่องราว (Story) ในรูปแบบ Web Video, Webisode, Web Movie หรือ การสร้าง Lifestyle App, e-book, หรือ Game ล้วนเป็นสิ่งดึงดูดผู้บริโภคให้เข้าถึงแบรนด์ได้มากขึ้น และง่ายยิ่งขึ้นเมื่อเนื้อหานั้นอยู่ในระยะประชิดตัวตลอดเวลาอย่างมือถือ แทบเล็ต แถมผู้บริโภคยังพร้อมให้เวลาส่วนตัวและยินดีที่จะแนะนำต่อให้เครือข่ายด้วยเทคโนโลยีในการถ่ายทอดแสนสะดวก การได้อินเตอร์แอคกับเนื้อหาของแบรนด์ จะสร้างการจดจำและเข้าใจแบรนด์ได้ดี

5) ซื้อง่ายขายคล่องบนโลกอีคอมเมิร์ซ

E/F/M-COMMERCE – Anytime & Anywhere

ราคาโดนใจ ช้อปง่าย ได้ของไว จุดเปลี่ยนร้านค้าเพื่อผู้บริโภค ผ่านเครื่องมืออีคอมเมิร์ซที่แสนสะดวก

E-commerce, F-Commerce, M-commerce เริ่มเป็นที่คุ้นเคยของผู้บริโภคที่นิยมการช้อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งแบรนด์ควรให้ความสำคัญในการสร้างแพลตฟอร์มรองรับความต้องการซื้อของผู้บริโภค หากผู้บริโภคสนใจสินค้าที่กำลังค้นหาออนไลน์ ต้องซื้อได้ทันที เทรนด์นี้เป็นที่น่าสนใจของนักการตลาด เพราะเร่งยอดขายได้และถูกใจผู้บริโภค สินค้าที่อยู่ในลิสต์ยอดนิยม ได้แก่ บันเทิง-เพลง-ภาพยนตร์ หนังสือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และแฟชั่น ส่วนช่องทางที่น่าลงทุนสร้างระบบมากที่สุด คือ M-Commerce ที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่ายจากสมาร์ทโฟนและแทบเล็ต

6) เข้าใจดิจิตอลเทคโนโลยีและเลือกช่องทางเพื่อแจ้งเกิดในใจผู้บริโภค

DEVICE + APP + TECHNOLOGY – Consumer Takes Choices; Corporate Takes Chances

อุปกรณ์สื่อสาร แอพพลิเคชั่นและเทคโนโลยี โอกาสที่ท้าทายของนักการตลาด

ตัวแปรที่ผลักดันให้ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยมีความสำคัญ คือ อุปกรณ์มือถือ แอพพลิเคชั่นและเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นทำให้ผู้บริโภคต้องเลือก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต หรือค่ายมือถือและแอพที่เกี่ยวข้อง ล้วนแต่ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปด้วย เมื่อมีช่องทางและเนื้อหาที่หลากหลายมากขึ้น อย่าลืมว่าในมุมมองของผู้บริโภคการมีตัวเลือกเยอะเป็นสิ่งดี เพราะช่วยเรื่องการแข่งขันด้านกลไกราคาและคุณภาพของสินค้าหรือบริการ แบรนด์อื่นก็เข้ามาชิงพื้นที่ได้ นักการตลาดต้องตัดสินใจในเรื่องเงินลงทุนและช่องทางโฆษณาให้เหมาะสม

7) เร่งยอดขายด้วยโปรโมชั่นออนไลน์ที่สดใหม่ได้ทุกวัน

SHORT-TERM PROMOTION – As Hot as Deal!

แคมเปญออนไลน์กระตุ้นใจนักช้อป ด้วยการลดเฉพาะกิจหรือแจกคูปองออนไลน์ ยิ่งซื้อก็ยิ่งมีโปรโมชั่นตามมาอย่างต่อเนื่อง

ทุกวันนี้ เวลาซื้อของผู้บริโภคไม่ได้เสิร์ชหาข้อมูลหรือถามความเห็นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมองหาแคมเปญลดราคาออนไลน์ที่มีทั้งร้านและสินค้าให้เลือกมากมายที่ปลายนิ้ว เพียงแต่นักการตลาดรายใดที่จะสร้างโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดผู้บริโภคได้เร้าใจกว่า ถูกใจกว่า และมีความถี่อย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทาง ทั้งเว็บไซต์ของห้าง และโซเชี่ยลมีเดียแบรนด์เพจ ก็จะพิชิตยอดขายได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น Flash Deal หรือ Deal of the Day เป็นสิ่งที่ทุก e-Shop ควรสร้างขึ้นเพื่อดึงดูดให้เกิด Daily Visit จากนักช้อป แม้แต่ e-coupon ที่ยังคงมาแรง ดังนั้น แบรนด์หรือองค์กรต้องพึ่งนักการตลาดที่ตัดสินใจรวดเร็วและมีทักษะบริหารจัดการได้ทั้งระบบปฏิบัติการออนไลน์และออฟไลน์คู่ขนานกัน เพื่อสร้างมาตรฐานของร้านค้าให้เป็นที่จดจำและซื้อซ้ำอีก

“ปัจจุบันข้อจำกัดเรื่องความไม่เข้าใจ ไม่กล้าทดลองการตลาดออนไลน์ลดน้อยลงมาก แต่ปัจจัยที่สำคัญที่นักการตลาดต้องตัดสินใจให้เฉียบขาดก่อนลุยแผนกลยุทธ์ตลาดออนไลน์ คือ นโยบายและวิสัยทัศน์ต่อ Integrated Digital Platform ที่มีทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย แบนเนอร์ แอพพลิเคชั่น โมบาย หรือ แคมเปญออนไลน์ ฯลฯ ให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด การลงทุนกับดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง การพัฒนาศักยภาพของทีมวางแผนและทีมปฏิบัติการ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีและการพัฒนาระบบเพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับส่วนงานขาย ขนส่ง บริการ ฯลฯ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว” อุไรพรเสริมท้าย

“สำหรับงบประมาณการตลาดที่เกี่ยวข้อง คาดว่าดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งผ่านช่องทางที่หลากหลายกว่าเดิมน่าจะได้รับการพิจารณาจากส่วนแบ่งงบการตลาดสูงถึง 5-15% ในขณะที่มูลค่าสื่อโฆษณาออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สังเกตจากจำนวนอุปกรณ์ มือถือ พฤติกรรมผู้บริโภค และปัจจัยสนับสนุน เช่น ระบบสัญญาณเครือข่าย แหล่งข้อมูลและปริมาณเนื้อหา รวมทั้งความพร้อมของเจ้าของสื่อที่ลงทุนสร้างช่องทางออนไลน์ให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มได้ง่ายขึ้น ในปี 2012 เราน่าจะได้เห็นสัดส่วนสื่อออนไลน์มากกว่า 4-5% ของมูลค่าสื่อโดยรวม” อุไรพรสรุป

สำหรับธอมัสไอเดีย ในปีหน้าจะเน้นการให้บริการดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งที่ครบวงจรทั้งระบบครอบคลุมทุกดิจิตอลแพลตฟอร์ม อาทิ วางกลยุทธ์การตลาดออนไลน์พร้อมดำเนินการพัฒนาและบริหารแคมเปญออนไลน์ การวางกลยุทธ์ดิจิตอลมีเดีย การบริหารและวิเคราะห์โซเชียลมีเดียพร้อมต่อยอดเต็มรูปแบบ การสร้างสรรค์ระบบอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ และระบบ CRM ดูแลฐานข้อมูลลูกค้า ต่อเชื่อมกับเว็บไซต์ โมบายล์ และแอพพลิเคชั่น รวมไปถึงการเป็นที่ปรึกษาองค์กรขนาดใหญ่เกี่ยวกับกลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้ง

View :3942

การกู้ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ที่ถูกน้ำท่วม

November 30th, 2011 No comments

เขียนโดย นายเสฏฐวุฒิ แสนนาม
ผู้ให้คำแนะนำคือนายสรณันท์ จิวะสุรัตน์ และนายพรพรหม ประภากิตติกุล
หน่วยงาน: สำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (องค์กรมหาชน)

จาก เหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ส่งผลให้คอมพิวเตอร์ของหน่วยงาน สถานประกอบการ หรือบุคคลทั่วไป หลายแห่งจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งอาจมีข้อมูลที่สำคัญอยู่ในฮาร์ดดิสก์ และมีความจำเป็นต้องทำการกู้ข้อมูล (Data recovery) เพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้โดยเร็วที่สุด แต่การกู้ข้อมูลนั้นมีหลายสิ่งที่ควรรู้และต้องคำนึงในการปฏิบัติ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อฮาร์ดดิสก์โดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น การรู้จักการทำงานของฮาร์ดดิสก์ รูปแบบความเสียหาย วิธีการการแก้ไข และขั้นตอนการปฏิบัติในการกู้ข้อมูล ก็จะสามารถช่วยป้องกันความเสียหายและเพิ่มโอกาสในการกู้ข้อมูลกลับคืนมาได้

โครงสร้างการทำงานของฮาร์ดดิสก์

ปัจจุบัน มีการใช้งานฮาร์ดดิสก์อยู่ 2 แบบ คือแบบจานแม่เหล็ก และแบบ Solid-state (SSD)ซึ่งทั้ง 2 แบบมีโครงสร้างและการทำงานที่แตกต่างกันส่งผลให้มีความแตกต่างในเรื่องของการเก็บข้อมูลและการกู้ข้อมูลตามไปด้วย

ฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็ก

ที่มา: http://en.wikipedia.org/wiki/Hard_drive

นิยม ใช้ในคอมพิวเตอร์ทั่วไป รวมถึงกล้องวีดีโอบางรุ่น เนื่องจากมีขนาดความจุค่อนข้างสูงและมีราคาที่ลดลงมาอยู่ในระดับที่ไม่สูง มากฮาร์ดดิสก์แบบแม่เหล็กจะใช้แผ่นจานโลหะเพื่อเก็บข้อมูล โดยมีมอเตอร์หมุนอยู่ภายใน และใช้หัวอ่านในการอ่านและเขียนข้อมูลลงในแผ่นจาน ในการอ่านหรือ เขียนข้อมูลจะใช้หลักการเปลี่ยนทิศทางของสนามแม่เหล็ก เพื่อเก็บข้อมูลในรูปแบบของเลขฐาน 2

ใน ขณะที่ฮาร์ดดิสก์ทำงาน หัวอ่านจะลอยอยู่เหนือแผ่นจานประมาณ 10 นาโนเมตร [2] (เส้นผมของมนุษย์มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย 99 ไมโครเมตร) แผ่นจานจะหมุนด้วยความเร็วสูง ซึ่งในปัจจุบันมีความเร็วในการหมุนประมาณ 7200 – 10000 รอบต่อนาที (ประมาณ 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ดังนั้นหากฮาร์ดดิสก์มีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นในขณะที่หัวอ่านกำลังทำงานก็มีโอกาสสูงที่หัวอ่านจะไปขูดกับแผ่นจานแม่เหล็ก ซึ่งส่งผลให้ฮาร์ดดิสก์เสียหายอย่างถาวรได้

ฮาร์ดดิสก์แบบ Solid-state

ที่มา: http://en.wikipedia.org/wiki/Solid-state_drive

ฮาร์ดดิสก์ แบบ Solid-state ใช้หลักการเดียวกันกับอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบพกพา เช่น Flash drive ซึ่งเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลรูปแบบใหม่ที่ไม่มีชิ้นส่วนที่เป็นการหมุนหรือหัวอ่านอยู่ภายใน โดยจะเปลี่ยนมาใช้การเก็บข้อมูลบน NAND Chip ซึ่งเป็นการอ่านและเขียนข้อมูลโดยใช้ไฟฟ้าส่งผลให้ฮาร์ดดิสก์แบบ Solid-state สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้เร็วกว่าฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กแต่เนื่องจากมีราคาที่ค่อนข้างสูง และมีความจุน้อยกว่าฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็ก จึงนิยมใช้ในอุปกรณ์ที่ต้องการการพกพาสะดวกและมีน้ำหนักเบา เช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุคแบบ Ultra-thin หรือโทรศัพท์มือถือบางรุ่น
ฮาร์ดดิสก์ แบบ Solid-state จะแบ่งพื้นที่ในการเก็บข้อมูลออกเป็นบล็อก (หรือ Cell)ซึ่งแต่ละ
บล็อกมีจำนวนครั้งในการเขียนหรือลบข้อมูลอยู่จำกัด ถ้าใช้ครบจำนวนครั้งที่กำหนดบล็อกนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้อีก [4]
นอกจากนี้การเก็บข้อมูลจะไม่ได้เก็บแบบต่อเนื่องเหมือนฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่ เหล็ก แต่จะใช้วิธี Logical mappingซึ่งเป็นการเชื่อมโยงข้อมูลที่เก็บอยู่จริงในหน่วยความจำให้เป็นไฟล์ข้อมูล สำหรับคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่วนที่ทำหน้าที่ดังกล่าวเรียกว่า Controller

ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้กับ ฮาร์ดดิสก์
ความเสียหายทางการภาพ (Physical)

ความ เสียหายที่เกิดขึ้นกับฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็กจะเกิดกับส่วนของจานแม่เหล็กที่ใช้สำหรับบันทึกข้อมูล
ไม่ว่าจะเป็นการอยู่ภายใต้สนามแม่เหล็กที่ความแรงสูงจนข้อมูลที่เก็บอยู่ผิด เพี้ยน หรือหัวอ่านกระแทกกับจานข้อมูล ทำให้เข้าถึงข้อมูลในส่วนนั้นไม่ได้ เป็นต้น
ซึ่งถึงแม้ว่าในขณะที่ปิดเครื่อง หัวอ่านของฮาร์ดดิสก์จะถูกเก็บให้ไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วก็ตามแต่การที่ฮาร์ดดิสก์ตกจากที่สูงก็มีโอกาสที่จะเกิดความเสียหายได้เช่นกัน หากหัวอ่านชำรุดแต่แผ่นจานแม่เหล็กยังสามารถใช้
งานได้อยู่ ก็ยังสามารถให้ผู้เชี่ยวชาญทำการถอดจานแม่เหล็กเพื่อนำไปอ่านข้อมูลออกมาใส่ในฮาร์ดดิสก์อื่นได้ แต่หากแผ่นจานแม่เหล็กชำรุดเสียหายโอกาสที่จะกู้ข้อมูลได้ก็น้อยลงไปด้วย [5] [6]
สำหรับ ฮาร์ดดิสก์แบบ Solid-state ถ้าส่วน Controller เสียหาย การกู้ข้อมูลจะทำได้ยากมากหรือแทบเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากการกู้ข้อมูลต้องแกะเอา NAND Chip ออกมาคัดลอกข้อมูลแล้วนำชิ้นส่วนของข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อสร้างตารางข้อมูลใหม่
นอกจากนี้วิธีการเก็บข้อมูลในฮาร์ดดิสก์แบบ Solid-state ยังแตกต่างกันออกไปตามวิธีการของผู้ผลิต
ปัจจุบันยังไม่มีซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการกู้ข้อมูลในลักษณะนี้ จำเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญทำเท่านั้น [7] [8] [9] [10]
ใน ประเทศไทย มีบริษัทที่ให้บริการกู้ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ในกรณีที่เกิดความเสียหายทางกายภาพ เช่น ศูนย์กู้ข้อมูล IDR หรือ ศูนย์กู้ข้อมูล i-CU เป็นต้น ซึ่งค่าใช้จ่ายในการกู้ข้อมูลก็จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่กรณี อย่างไรก็ตาม ThaiCERT ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ให้บริการกู้ข้อมูลดังกล่าว

ความเสียหายทางตรรกะ (Logical)
เป็น ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการใช้งานซึ่งเกี่ยวข้องกับไฟล์หรือระบบโครงสร้างของการเก็บข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น การเผลอลบข้อมูล การ Format ฮาร์ดดิสก์ หรือการเขียนข้อมูลทับซึ่งความเสียหายในส่วนนี้สามารถกู้คืนได้ด้วยซอฟต์แวร์
โดยปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับกู้ข้อมูลอยู่จำนวนมาก ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรี เช่น Recuva หรือ TeskDisk เป็นต้น [11]

ทำอย่างไรหากฮาร์ดดิสก์จมน้ำ
หาก ฮาร์ดดิสก์จมน้ำ ไม่ว่าฮาร์ดดิสก์จะเสียหายอย่างไรก็ตามยังพอมีโอกาสที่จะกู้ข้อมูลได้ การกู้ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ที่มีความเสียหายทางกายภาพนั้นไม่สามารถทำได้ด้วย ตนเองแต่สามารถขอความช่วยเหลือในการกู้ข้อมูล จากผู้เชี่ยวชาญได้ข้อแนะนำในการปฏิบัติในการเก็บ และจัดส่งฮาร์ดดิสก์ให้กับบริษัทที่ให้บริการ กู้ข้อมูล มีดังนี้

ฮาร์ดดิสก์แบบจานแม่เหล็ก

ไม่ควรทำการกู้ข้อมูลด้วยตนเองโดยเด็ดขาด เพราะเมื่อฮาร์ดดิสก์จมน้ำหัวอ่านอาจจะไปติดอยู่กับจานข้อมูล ถ้าจ่ายไฟเข้าไปจะเกิดการหมุนของหัวอ่านซึ่งอาจจะไปขูดกับจานข้อมูลทำให้ฮาร์ดดิสก์เสียหายถาวรได้
อย่าทำให้ฮาร์ดดิสก์แห้ง เพราะเมื่อฮาร์ดดิสก์แห้งจะเกิดคราบและเศษฝุ่นเกาะติดอยู่ที่จาน หรือหัวอ่านได้
อย่าทำให้ฮาร์ดดิสก์สั่น สะเทือน เนื่องจากหัวอ่านอาจจะขูดกับแผ่นจาน ทำให้ฮาร์ดดิสก์เสียหายได้
ทำให้ฮาร์ดดิสก์อยู่ในสภาพที่จมน้ำแบบที่ยังคงเป็นอยู่โดยอาจจะนำฮาร์ดดิสก์ใส่ในภาชนะที่ปิดมิดชิด เช่น กล่องโฟม หรือ กล่องใส่อาหาร แล้วส่งให้กับผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการกู้ข้อมูลต่อไป [13]

ฮาร์ดดิสก์แบบ Solid-state

สำหรับ ฮาร์ดดิสก์แบบ Solid-state (หรือ Flash drive) เนื่องจากเป็นแผงวงจร จึงสามารถทนทานต่อการจมน้ำได้บ้าง หากฮาร์ดดิสก์ถูกน้ำควรรีบนำฮาร์ดดิสก์ออกมาทำให้แห้งโดยเร็วด้วยการใช้ พัดลมเป่า ไม่ควรใช้ไดรเป่าผมหรือนำไปตากแดด จากนั้นเมื่อแน่ใจว่าฮาร์ดดิสก์แห้งสนิทแล้ว สามารถนำไปใช้งานต่อได้ แต่หากฮาร์ดดิสก์จมน้ำเป็นเวลานาน มีโอกาสที่จะทำให้แผงวงจรหรืออุปกรณ์ภายในขึ้นสนิมได้ ควรรีบทำให้แห้งแล้วส่งไปยังศูนย์กู้ข้อมูลเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนิน
การ ต่อไป [14]

การกู้ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ที่ ถูกลบหรือเขียนข้อมูลทับ
หากฮาร์ดดิสก์ไม่ได้เสียหายทางกายภาพแต่ข้อมูลสูญหายเนื่องจากอุบัติเหตุในระหว่างการใช้งาน เช่น การเผลอลบไฟล์เอกสารสำคัญ หรือฮาร์ดดิสก์ถูก Format ยังสามารถใช้ซอฟต์แวร์ทำการกู้ข้อมูลได้ เนื่องจากเมื่อระบบทำการลบไฟล์ จะไม่ลบข้อมูลจริงทิ้งแต่จะลบส่วนที่เป็นการอ้างอิงตำแหน่ง (Index) ของข้อมูลแทน หมายความว่า “ชื่อ” ที่ใช้ในการอ้างอิงตำแหน่งของข้อมูลนั้นจะหายไป แต่ตัวข้อมูลยังคงอยู่ เมื่อฮาร์ดดิสก์แบบแม่เหล็กเขียนข้อมูลจะไม่ได้เปลี่ยนข้อมูลของบิทจาก0 เป็น 1 หรือ 1 เป็น 0 เป๊ะๆ แต่จะมีการเหลื่อมอยู่บ้าง
ถ้าสามารถอ่านข้อมูลดิบที่อยู่บนดิสก์แล้วทำการวิเคราะห์รูปแบบ (Pattern) ของการเปลี่ยนค่าจาก 0 เป็น 1 หรือ 1 เป็น 0 ได้ จะสามารถรู้ว่า ข้อมูลตรงส่วนนี้เคยมีค่าเป็นอะไรมาก่อน
นอกจากนี้ยังสามารถใช้กล้องสแกนแถบแม่เหล็กในฮาร์ดดิสก์ เพื่อดูค่าการจัดเรียงของสนามแม่เหล็กในดิสก์ได้ [15] อย่างไรก็ตาม การทำลายข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์นั้นก็ยังสามารถทำได้อยู่ จากการวิจัยพบว่า ถ้าเขียนทับข้อมูลนั้นมากกว่า 25 ครั้งจะไม่สามารถกู้ข้อมูลกลับคืนมาได้ [16] [17] [18]

การป้องกันข้อมูลสูญหาย
ในการป้องกันข้อมูลสูญหาย วิธีที่ดีที่สุดคือการสำรองข้อมูลอยู่อย่างสม่ำเสมอซึ่งการสำรองข้อมูลก็สามารถทำได้หลายวิธี เช่น ใช้การต่อฮาร์ดดิสก์แบบ RAID เพื่อสำรองข้อมูลไปยังฮาร์ดดิสก์อีกลูกหนึ่งโดยอัตโนมัติ หรือนำข้อมูลที่สำคัญไปฝากไว้กับผู้ให้บริการฝากข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต

ข้อมูลเพิ่มเติม
* Data Remanence in Semiconductor Devices:
http://www.cypherpunks.to/~peter/usenix01.pdf

* List of data recovery software:
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_data_recovery_software
* Reliably Erasing Data From Flash-Based Solid State Drives:
http://www.usenix.org/events/fast11/tech/full_papers/Wei.pdf
* Redundant_array_of_independent_disks:
http://en.wikipedia.org/wiki/Redundant_array_of_independent_disks

อ้างอิง
1. http://en.wikipedia.org/wiki/Hard_drive
2. http://www.pcguide.com/ref/hdd/op/heads/op_Height.htm
3. http://en.wikipedia.org/wiki/Solid-state_drive
4. http://www.datarecovery.net/articles/solid-state-drive-architecture.html
5. http://en.wikipedia.org/wiki/Data_remanence
6. http://en.wikipedia.org/wiki/Data_loss
7. http://www.datarecovery.net/solid-state-drive-recovery.html
8. http://www.datarecoverytools.co.uk/2010/02/21/is-ssd-data-recovery-possible-and-different-from-hard-drive-data-recovery/
9. http://www.recovermyflashdrive.com/articles/how-flash-drives-fail
10. http://www.recovermyflashdrive.com/articles/5-things-you-should-know-about-flash-drives
11. http://en.wikipedia.org/wiki/Data_recovery
12. http://www.dataclinic.co.uk/advanced-data-recovery-water-damaged-hard-disk-drive.htm
13. http://www.storagesearch.com/disklabs-art3-floods.html
14. http://www.associatedcontent.com/article/2556459/how_to_salvage_a_usb_flash_drive_from.html
15. http://www.nber.org/sys-admin/overwritten-data-guttman.html
16. http://www.cs.auckland.ac.nz/~pgut001/pubs/secure_del.html

17. http://www.anti-forensics.com/disk-wiping-one-pass-is-enough
18. http://www.anti-forensics.com/disk-wiping-one-pass-is-enough-part-2-this-time-with-screenshots

กระบวนการ “ปฐมพยาบาลฮาร์ดดิสก์” จากเหตุการณ์น้ำท่วม
โดย ดร.ชาลี วรกุลพิพัฒน์

หลังจากเราสามารถเข้าไปในบ้านได้แล้ว อันดับแรกคือจะต้องตรวจสอบระดับน้ำที่ได้ท่วมได้บ้าน จากนั้นใช้อุปกรณ์ตรวจสอบสัญญาณไฟฟ้ารั่ว เช่น เป็ดเช็คไฟรั่ง ไม้เช็คไฟรั่ว หรืออุปกรณ์อื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีไฟฟ้ารั่วในบ้านของเรา
แต่เพื่อให้แน่ใจ ให้ปิดสะพานไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้มีไฟฟ้ารั่วด้วย
ย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกน้ำท่วมไปยังบริเวณพื้นที่แห้ง
ข้อห้ามหากฮาร์ดดิสก์ถูกน้ำท่วม หรือแม้กระทั่งเคยถูกน้ำท่วม!!!
ห้ามลองเปิดให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน หรือถอดฮาร์ดดิสก์ไปต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
ห้ามแกะฝาครอบฮาร์ดดิสก์ออกมาทำความสะอาดด้วยตัวเอง
ห้ามทำให้ฮาร์ดดิสก์แห้งด้วยตนเอง อาจจะด้วยวิธีการเป่าแห้ง หรือแม้กระทั่งตั้งทิ้งไว้ให้แห้งเองก็ตาม
ถอดฮาร์ดดิสก์ออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วให้นำใส่ถุงซิปทันที ถึงแม้ว่าฮาร์ดดิสก์จะยังคงเปียกอยู่ก็ตาม
ส่งฮาร์ดดิสก์ให้ศูนย์กู้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และมีนโยบายการรักษาความลับของลูกค้า เพื่อป้องกันข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ของเราถูกขโมย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อมูลของท่านเป็นความลับ
ท้ายที่สุด บทเรียนที่ได้จากเหตุการณ์น้ำท่วมนี้ ต้องไม่ลืมว่า เราจะต้องทำการสำรองข้อมูลอยู่สม่ำเสมอ อาจจะบันทึกลงในแผ่นซีดี ดีวีดี ฮาร์ดดิสก์ภายนอก หรือแม้กระทั่งไดร์ฟ USB ก็ตาม และจะต้องวางเครื่องคอมพิวเตอร์ สื่อบันทึกต่างๆ ในที่ที่ปลอดภัยจากน้ำท่วม หรืออาจจะหาถุงกันน้ำมาบรรจุสื่อบันทึกก็ได้

ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก http://www.idrlab.com/กู้ข้อมูลน้ำท่วม.html

View :3712

ไอดีซีปรับลดการคาดการณ์ตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และตลาดพีซีโลกอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์น้ำท่วมในไทย

November 14th, 2011 No comments

มหาอุทกภัยในประเทศไทยนั้นกำลังสร้างความเสียหายอันประเมินค่ามิได้ต่อทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งอุตสาหกรรมการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด อันเป็นผลจากการที่โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์กว่า 6 โรงงานได้รับความเสียหายต้องหยุดการผลิตไป โดยงานวิจัยฉบับใหม่ของบริษัทวิจัยไอดีซีชี้ว่า เหตุการณ์นี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อยอดการจัดจำหน่ายสินค้าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซีในช่วงครึ่งแรกของปี 2555 ทั่วโลกเช่นกัน

ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้นั้น ประเทศไทยถือได้ว่าเป็นฐานการผลิตหลักของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ โดยมีจำนวนการผลิตเป็น 40-45% ของโลก แต่หลังจากต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นมา น้ำที่หลากอยู่ทั่วที่ราบภาคกลางได้ทำให้สายการผลิตเกือบครึ่งต้องหยุดชะงักไป ไม่เพียงแต่โรงงาน และ สายการ ผลิตเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย แต่เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ยังส่งผลให้พนักงานไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้ และไฟฟ้าเองก็ใช้การไม่ได้ในหลายพื้นที่อีกด้วย ถึงแม้การประเมินความเสียหายทั้งหมดจะยังคงไม่สามารถทำได้จนกว่าระดับน้ำจะลดลง แต่ในขณะนี้ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าอย่างแน่นอน

ความร้ายแรงของภาวะการขาดแคลนครั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของอุตสาหกรรมในการฟื้นตัวจากความเสียหายที่มีต่อสายการผลิตในประเทศไทย ไอดีซีเชื่อว่าผู้ผลิตจะฟื้นตัวและกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตให้เป็นปกติได้ในระยะเวลาอันไม่นานนัก แต่อย่างไรก็ตามสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะยังคงขาดตลาดต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นผู้ผลิตสินค้าพีซีควรจะมีแผนรองรับสิ่งต่อไปนี้

• การขาดตลาดของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อย่างรุนแรงตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2554 และส่งผลต่อเนื่องไปยังไตรมาสที่ 1 ของปี 2555
• การผลิตสินค้าพีซีส่วนใหญ่ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2554 นั้นสามารถทำได้โดยการใช้ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ที่มีอยู่ในคลังของโรงงาน นั่นทำให้ยอดการผลิตพีซีในช่วงเวลาดังกล่าวได้รับผลกระทบน้อยกว่า 10% แต่สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดคือยอดการผลิตพีซีในไตรมาสที่ 1 ของปี 2555 นั้นอาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ถึง 20% ซึ่งนี่คือผลมาจากการขาดแคลนฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของพีซีนั่นเอง
• ราคาฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะถีบตัวสูงขึ้นเพราะปริมาณสินค้ามีน้อยกว่าความต้องการซื้อ อีกทั้งต้นทุนของผู้ผลิตเองก็สูงขึ้นอันเนื่องมาจากต้นทุนของวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายในการเร่งขนส่งสินค้า และค่าใช้จ่ายในการย้ายฐานการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น
• อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า และราคาของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะคงที่ภายในเดือนมิถุนายน โดยสิ่งต่างๆ จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในครึ่งหลังของปี 2555
• ผู้ผลิตพีซีรายเล็กจะสูญเสียลูกค้าระดับองค์กรให้กับผู้ผลิตรายใหญ่กว่า ซึ่งอาจนำไปสู่การควบรวมกิจการระหว่างผู้ผลิตด้วยกันมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง

นายจอห์น ริดนิ่ง รองประธานฝ่ายงานวิจัยตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และเซมิคอนดัคเตอร์ของไอดีซีได้แถลงว่า “เพื่อที่จะรับมือกับวิกฤติครั้งนี้ ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะให้ความสำคัญกับการจัดส่งสินค้าไปให้ลูกค้าที่มียอดการสั่งซื้อสูงอย่างเช่นผู้ผลิตพีซีรายใหญ่ๆ ในขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นไปที่การจัดส่งสินค้าที่มีกำไรสูงซึ่งก็คือสินค้าที่เป็นส่วนประกอบของเซิร์ฟเวอร์และสตอเรจระดับองค์กร แต่อย่างไรก็ตามผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์คงไม่สามารถละเลยลูกค้ารายเล็กๆ ได้ เพราะลูกค้าเหล่านี้จะยังคงมีความสำคัญเมื่อกำลังการผลิตกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว”

“เราน่าจะได้เห็นวิธีการจัดการด้านการผลิตและการทำข้อตกลงกับลูกค้าแบบต่างๆ ที่น่าสนใจ เนื่องจากผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์จะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อฟื้นฟูกำลังการผลิต และในขณะเดียวกันจะต้องวางแผนที่จะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วย”

ซึ่งนายไบรอัน มา รองประธานฝ่ายงานวิจัยตลาดอุปกรณ์ต่อพ่วงประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของไอดีซีได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “ตลาดพีซีในเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) น่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าตลาดในภูมิภาคอื่นๆ เพราะยอดขายของพีซีที่ประกอบตามร้านนั้นมีปริมาณสูงในภูมิภาคนี้ แต่นั่นก็อาจเป็นโอกาสอันดีของผู้ผลิตพีซีแบรนด์เนมที่สามารถสั่งซื้อฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ได้ในปริมาณมาก ในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้”

“การบริโภคสินค้าพีซีภายในประเทศไทยเองก็ยังเป็นคำถามสำคัญ เพราะมีปัจจัยเกี่ยวข้องมากมายตั้งแต่เรื่องของความสามารถในการขนส่งและกระจายสินค้าไปจนถึงแผนการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ แต่เราเคยเห็นตัวอย่างจากในอดีตมาหลายครั้งแล้วว่าตลาดในประเทศไทยมักจะฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้อย่างรวดเร็ว และเราก็หวังว่าจะไปเห็นการฟื้นตัวแบบนั้นอีกครั้งหนึ่งในครึ่งปีหลังของปีหน้า”

โดยไอดีซีได้จัดทำงานศึกษาวิจัยที่มีชื่อว่า “The PC Market Is Disrupted By HDD Shortages: The Severity, Resulting Opportunities, And Expected PC Market Reactions” ซึ่งเป็นงานวิจัยที่จะประเมินถึงผลกระทบจากภาวะการขาดแคลนสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อันเกิดจากวิกฤติอุทกภัยในประเทศไทย ที่มีต่อตลาดพีซีในไตรมาส 4 ปี 2554 และในครึ่งปีแรกของปี 2555 ซึ่งได้มีการนำสมมุติฐานในเรื่องของระยะในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์และระยะเวลาที่ใช้ในการเพิ่มปริมาณฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ในคลังสินค้าให้กลับมาสู่ภาวะปกติเข้าไปในกรอบการวิเคราะห์ อีกทั้งงานวิจัยชิ้นนี้ยังได้ประมาณการณ์ราคาของฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย

View :2351

บาร์โค้ด…สำคัญไฉน

November 2nd, 2011 No comments


เทคโนโลยีบาร์โค้ด สัญลักษณ์รหัสแท่งที่ใช้แทนข้อมูลตัวเลขหรือตัวอักษรบนสินค้า ส่วนมากเราจะเห็นบาร์โค้ดในการซื้อสินค้าตามร้านสะดวกซื้อ หรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป แต่ในความเป็นจริงบาร์โค้ดเป็นมากกว่าที่คุณคิดที่จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เกิดความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคได้ การบริโภคสินค้าแต่ละชนิดนั้น นอกจากความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผู้บริโภคใช้ในการเลือกซื้อสินค้าแล้ว รูปแบบบรรจุภัณฑ์ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผู้บริโภคในปัจจุบันคำนึงถึงไม่แพ้กัน ซึ่งบาร์โค้ดก็เป็นส่วนสำคัญที่อยู่บนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ที่สามารถช่วยสร้างมูลค่าให้กับสินค้าได้ และช่วยเพิ่มความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ทำให้สามารถทราบถึงแหล่งที่มาของสินค้า ช่วยควบคุมระบบการจำหน่ายได้เป็นอย่างดี ส่วนประโยชน์ของบาร์โค้ดที่มีต่อผู้บริโภคนอกจากจะเป็นตัวช่วยแจ้งราคาสินค้า สามารถป้องกันการชำระเงินที่ผิดพลาด

บาร์โค้ดคือศูนย์รวมข้อมูลของสินค้านั้น ๆ ที่สามารรถทราบถึงรายละเอียดภายในสินค้า ส่วนประกอบ วันหมดอายุ ตลอดจนสืบค้นแหล่งที่มาต้นตอ ผู้ที่ผลิตสินค้าได้ ดังนั้นระบบเทคโนโลยีบาร์โค้ดในปัจจุบันถือเป็นระบบมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกให้การยอมรับทั้งในภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรมทุกภาคส่วน เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน วางแผนการผลิต และกำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด ซึ่งสามารถสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับตลาดในปัจจุบันและในอนาคต

ปัจจุบันบาร์โค้ดเข้ามามีบทบาทในการติดต่อสื่อสารระหว่างคู่ค้าหรือกลุ่มธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกมากขึ้น รวมถึงประเทศไทยทั้งทางด้านการจัดเก็บสินค้า การขนส่งสินค้า และการจัดจำหน่าย ซึ่งในส่วนนี้ สถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand ภายใต้การกำกับดูแลของ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรระดับสากลที่จัดตั้งมาตรฐาน และให้การบริการ ให้คำปรึกษา สนับสนุนเทคโนโลยีบาร์โค้ดไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจที่จะเป็นภาษาเดียวกันทั่วโลก ที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าที่ส่งออกจากประเทศไทย ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ ผู้บริโภคในตลาดโลกที่จะทราบถึงรายละเอียด แหล่งที่มาของสินค้านั้นๆ อันหมายถึงการส่งออกที่จะมาอีกมหาศาล เม็ดเงินที่จะนำเข้าสู่ประเทศในอนาคต ภาษากลางทางธุรกิจ “บาร์โค้ด” ที่จะส่งต่อมูลค่าให้กับประเทศ

บาร์โค้ดปัจจุบันไม่ใช้เพียงแท่งรหัสสินค้า แต่จะเป็นสัญลักษณ์ทางธุรกิจหรือสินค้านั้น ที่จะเพิ่มมูลค่าผ่านความคิดสร้างสรรค์บนบรรจุภัณฑ์สินค้า ดังนั้นสถาบันรหัสสากลได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของบุคลากรไทย ในด้านการคิดริเริ่มสร้างสรรค์ พร้อมกับการสร้างตลาดสินค้าของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดระดับสากล สู่ความเชื่อมั่นในสินค้าที่มาจากประเทศไทย จึงได้จัดโครงการ “การประกวดออกแบบบาร์โค้ดบนบรรจุภัณฑ์” ปี2554 ในหัวข้อ “Amazing Barcode Design for Food Package” ตามแนวความคิดของคอนเซ็ปต์ “ประเทศไทย แหล่งอาหารที่สำคัญของโลก ครัวของโลก” ซึ่งกลุ่มธุรกิจอาหารเป็นธุรกิจที่สามารถนำรายได้เข้าประเทศได้ปีละหลายพันล้านบาท และเป็นส่วนช่วยดึงดูดผู้บริโภคในระดับนานาชาติเกิดความต้องการในสินค้ากลุ่มอาหารของประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างเอกลักษณ์ผ่านภาษากลางทางธุรกิจ “บาร์โค้ด” ที่มีความแตกต่างบนบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบโดยบุคลากรไทย เสริมศักยภาพเชิงแข่งขันในตลาดต่างประเทศ บาร์โค้ดมาตรฐานสากลที่เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงสินค้าที่เชื่อถือได้ มีเลขหมายประจำตัวสินค้า ทำให้ผู้สนใจสามารถทราบถึงแหล่งผู้ผลิต และติดต่อซื้อขายกันได้สะดวกโดยตรง รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการส่งออกของประเทศให้เติบโต และเชื่อว่าเทคโนโลยีด้านบาร์โค้ดจะสามารถช่วยผลักดันในเชิงมูลค่า ความเชื่อมั่นทางภาคอุตสาหกรรมได้อย่างแน่นอน

ดังนั้นการออกแบบ “บาร์โค้ด” นอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าแล้ว สัญลักษณ์ชิ้นเล็กๆ เทคโนโลยีที่ไม่ควรมองข้ามจะสามรารถเพิ่มมูลค่าตลาดได้อย่างมหาศาล เพียงใส่ใจในสินค้า มองเห็นถึงศักยภาพของบุคลากรไทย พร้อมสนับสนุน ส่งเสริมในเทคโนโลยีบาร์โค้ดให้เป็นภาษากลางทางธุรกิจที่ใช้กันทั่วโลกในระดับสากลบนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ของไทย เชื่อได้ว่าจะเป็นส่วนช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับ สร้างศักยภาพเชิงการแข่งขันในตลาดต่างประเทศ พร้อมเป็นส่วนในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจในประเทศให้มีการเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพ

View :3612

“ไทยแลนด์ พาวิลเลียน แอมบาสเดอร์” ปั้นเยาวชนสู่ทูตแห่งท้องทะเลไทยทำหน้าที่ไกลถึงเกาหลี

October 14th, 2011 No comments

ทช.ต่อยอดงานเอ็กซ์โประดับโลก Yeosu International Exposition 2012 ณ เมืองยอซู เปิดโอกาสเยาวชนไทย สู่การเป็นทูตแห่งท้องทะเล ภายใต้โครงการ “ไทยแลนด์ พาวิลเลียน แอมบาสเดอร์” สร้างประสบการณ์-เพิ่มศักยภาพเยาวชนไทยในเวทีโลก พร้อมปั้นไทยแลนด์พาวิลเลียนเป็น 1 ใน 5 พาวิลเลียนยอดนิยม

นายเกษมสันต์ จิณณวาโส อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้จัดโครงการ ไทยแลนด์ พาวิลเลียน แอมบาสเดอร์ หรือ ทูตแห่งท้องทะเลไทย เพื่อสรรหาเยาวชนไทย ไปเป็นตัวแทนเผยแพร่วัฒนธรรมไทย และนำเสนอการบริหารจัดการท้องทะเลไทยในงาน Yeosu International Exposition 2012 ณ เมืองยอซู สาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างวันที่ 12 พฤษภาคม ถึง 12 สิงหาคม 2555 ซึ่งถือเป็นการร่วมงานเอ็กซ์โประดับโลกอีกครั้ง ของประเทศไทย หลังจากประสบความสำเร็จจากการร่วมงาน เซี่ยงไฮ้ เวิลด์เอ็กซ์โป 2010 เมื่อปีที่ผ่านมา

โดยไทยแลนด์พาวิลเลียนแอมบาสเดอร์ ที่เปิดรับสมัครในปีนี้ ต้องการเยาวชนเพื่อทำหน้าที่ใน 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ส่วนนิทรรศการ เพื่อเผยแพร่เอกลักษณ์ความโดดเด่นของมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมความเป็นไทยผ่าน “อาคารศาลาไทย” และนักแสดงประจำอาคารศาลาไทย ซึ่งต้องมีความสามารถด้านการแสดง นาฏศิลป์ไทย ,นาฏศิลป์สากล หรือการแสดงผสมผสานระหว่างไทยและสากลที่แปลกใหม่สร้างสรรค์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงประจำศาลาไทยและการแสดงประจำวันชาติ ในงาน Yeosu International Exposition 2012 ณ เมืองยอซู สาธารณรัฐเกาหลี

ทั้งนี้ในการหาตัวแทนประเทศไทยเพื่อเป็น ไทยแลนด์พาวิลเลียนแอมบาสเดอร์นั้น ได้ขยายคุณสมบัติผู้สนใจร่วมสมัคร จากกลุ่มเยาวชนสู่กลุ่มคนทำงาน อายุ 18-30 ปี โดยต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถด้านภาษา ไทย เกาหลี และอังกฤษ มีใจรักในธรรมชาติโดยเฉพาะท้องทะเลและวัฒนธรรมไทย

“การเข้าร่วมงาน Yeosu International Exposition 2012 ณ เมืองยอซู สาธารณรัฐเกาหลี ของประเทศไทยในครั้งนี้ สามารถต่อยอดสู่สังคมผ่านกิจกรรมดีๆ ด้วยการเปิดเวทีคัดสรรเยาวชนไทยที่มีความสามารถไปทำหน้าที่แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของ 2 ชาติ และยังเผยแพร่….ทะเลไทยและวัฒนธรรมไทยให้อีกหลายๆชาติที่เข้าร่วมงาน ถือเป็นการจุดประกายอีกหนึ่งสิ่งดีๆให้เกิดแก่สังคมคนรุ่นใหม่ ที่จะต้องหันมามองเรื่องของการดูแลอนุรักษ์ส่งแวดล้อมที่ยั่งยืนอย่างจริงจัง” นายเกษมสันต์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ การร่วมงาน Yeosu International Exposition 2012 จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “The Living Ocean and Coast :Diversity of Resources and Sustainable Activities โดยประเทศไทยได้กำหนดแนวคิดการร่วมงานครั้งนี้ด้วยคอนเซ็ป “ Colors of Diversity : Capacity of Thailand และคาดหวังว่า ความน่าสนใจของทะเลไทย วัฒนธรรมไทยและความสามารถในการนำเสนอจะทำให้อาคารศาลาไทยเป็น 1 ใน 5 พาวิลเลียนที่ได้รับความนิยมสูงสูงจากกว่า 120 พาวิลเลียนอีกด้วย

สำหรับผู้มีความสามารถและสนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถ ตรวจสอบคุณสมบัติและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.thailandpavilion2012 .com ยื่นใบสมัคร พร้อมหลักฐาน รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 1 รูป , รูปถ่ายเต็มตัว 1 ใบ ขนาด 4”x6”,ใบรับรองผลการเรียน (Transcription) , สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้าน ผ่านอีเมล info@thailandpavilion2012.com หรือส่งไปรษณีย์มาที่ บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) 545 ซอยปรีดีพนมยงค์ 42 สุขุมวิท 71 พระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. 10110 วงเล็บมุมซอง ไทยแลนด์ พาวิลเลียน แอมบาสเดอร์ ส่งภายในวันที่ 22 ต.ค.2554

ในส่วนของผู้ผ่านการคัดเลือกจากหลักฐานและใบสมัคร เข้าสัมภาษณ์กับผู้ทรงคุณวุฒิ ในวันที่29ต.ค.2554 ที่บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) 545 ซอยปรีดีพนมยงค์ 42 สุขุมวิท 71 พระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม. ติดต่อสอบถามข้อมูล 02-725-9333 ต่อ 351,361,371,

View :2739

โปรโมชั่น และ Gadgets ตัวใหม่ ในงาน “คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2011”

October 14th, 2011 No comments

สำหรับมหกรรมสินค้าไอทีส่งท้ายปี Commart Comtech Thailand 2011 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 พฤศจิกายน นี้ พบกับกองทัพแท็บเล็ตราคาพิเศษจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำที่มารวมพลกันมากกว่าครั้งไหน ๆ ตื่นตากับสีสันของสินค้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวในต่างประเทศ ซึ่งนำมาจัดแสดงและมีให้จับจองกันในงาน รวมถึงร่วมประมูลเป็นเจ้าของได้ในราคาเกินคุ้ม เช่น Sony Tablet, Samsung Chromebook และ Nook Color อีบุ๊กจอสี เป็นต้น

NOOK COLOR

Nook Color อีบุ๊กจอสี


แท็บเลตขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงสีสันของอีบุ๊กได้อย่างลงตัว เขื่อมต่อด้วย Wi-Fi มาพร้อมกับโอเอสอย่างแอนดรอยด์สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ Twitter และ Facebook ได้ ขนาดความละเอียดของหน้าจอที่ 1024×600 พิกเซล ใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมง

SONY TABLET

Sony Tablet


แท็บเลตล่าสุดของโซนี่ ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทยที่มีขนาดหน้าจอ 9.4 นิ้ว พร้อมด้วยระบบการเชื่อมต่อ Wi-Fi มาพร้อมกับแอนดรอยด์โอเอสล่าสุด และระบบเครื่องเสียงของโซนี่ ทำให้คุณเล่นไฟล์มัลติมีเดียด้วยระบบเสียงที่ไม่เหมือนใคร สำหรับการออกแบบได้ออกแบบให้หิ้วไปมาได้สะดวก และมีน้ำหนักเบาเพียง 598 กรัมเท่านั้น มีหน่วยความจำให้เลือก 2 ขนาด คือ 16GB และ 32GB

SAMSUNG CHROMEBOO

Samsung Chromebook


Samsung Series 5 ChromeBook เน็ตบุ๊คที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Chrome OS ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีดีไซน์ที่สวยงาม-บางเบาน่าใช้เท่านั้น แต่มันยังมีสเป็กการทำงานของเครื่องที่น่าสนใจอีกด้วย Samsung Series 5 ChromeBook เน็ตบุ๊คที่มีความบางเป็นพิเศษแค่ 0.79 นิ้ว โดยจะทำงานด้วยระบบปฎิบัติการ Chrome OS ของ Google ภายในตัวเครื่องใช้โพรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ Atom ของ Intel และแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ซึ่ง Google ให้นิยามความหมายของการใช้งานได้ทั้งวันนี้ว่า สามารถใช้งานได้นานต่อเนื่อง 8.5 ชั่วโมง Samsung ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ Series 5 ChromeBook ว่า มันมีหน้าจอขนาด 12.1 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล ความสว่าง 300 nit และมีน้ำหนักเพียง 3.6 ปอนด์ (ประมาณ 1.63 กิโลกรัม) เชื่อมต่อการทำงานไร้สายด้วย Wi-Fi 802.11 หรือจะเลือกใช้เป็น 3G ก็ได้ มี USB 2.0 ให้ 2 พอร์ต เว็บแคม และแทร็คแพดแบบคลิกได้ (ข้อมูลจาก ARiP.co.th)

View :2973

รมว.ไอซีที แถลงข่าว กรณี ทวิตเตอร์ @PouYingluck โดนแฮค [Audio]

October 3rd, 2011 No comments

[Audio] รัฐมนตรีอนุดิษฐ์​นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแถลงข่าวความคืบหน้าของกรณีทวิตเตอร์นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร แถลงเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2554 ที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

001_A_011_ICT

View :2429